วันศุกร์ที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2558

Day 13 :: 内省6 :: 「思う」 + รีวิวหนังสือ Pink and Grey





*คำเตือน กระทู้นี้ยาวมากกกก ใครขี้เกียจอ่านข้ามไปอ่านตรง 内省 เลยก็ได้จ้า ทำตัวอักษรเป็นสีๆไว้แล้ว สังเกตไม่ยาก

คราวนี้มาเขียน 内省จ้า...........ในที่สุด.............เราก็มีโอกาสได้ลองเอาสำนวนไปใช้จริงสักที!!! เย้ จุดพลุ ดีใจมาก นานๆจะหาทางเอาไปใช้ได้ 5555

เรื่องมีอยู่ว่าในคาบการอ่านภาษาญี่ปุ่นวันจันทร์ที่ผ่านมาเราได้ขึ้นไปฮัปเปียว マイブック แนะนำหนังสือเล่มโปรดให้เพื่อนๆฟัง ทีนี้เรื่องที่เรานำเสนอคือเรื่อง ピンクとグレー ของคาโต ชิเงะอะคิ

เล่มนี้เลย...



ใครสนใจไปหาอ่านได้นะจ้ะ (เราสอยมาจากร้านหนังสือมือสอง ใกล้ๆบีทีเอสพร้อมพงษ์ แต่คิดว่าสั่งจากคิโนะก็น่าจะได้ ฮรี่ๆ)

ต่อๆๆ แล้วทีนี้เราก็เล่าเรื่องย่อให้ทุกคนฟัง เรื่องมีอยู่ว่าพระเอก คือ りばちゃん เนี่ยเป็นคนโอซากา ย้ายมาอยู่โยะโกะฮะมะแล้วก็ไปเจอกับเพื่อบ้านวัยเดียวกันชื่อ ごっち สองคนก็เลยเป็นเพื่อนกัน รักกันมากกกก ประมาณว่าตัวติดกันเป็นปาท่องโก๋ จากนั้นก็เกิดเหตุการณ์หลายๆอย่าง เช่น พี่สาวกจจิฆ่าตัวตาย บลาๆๆ ขอข้ามรายละเอียดไปละกัน เดี๋ยวยาว ใครอยากรู้ไปอ่านเอง 555

อันนี้คนซ้ายคือริบะจัง คนขวาคือกจจิ (น่ารักเนอะ แอร้ยย)



พอทั้งสองเข้ามหาลัยก็เช่าห้อง เป็นรูมเมทกัน แล้วก็รับจ็อบเสริมเป็นดาราบ้าง นายแบบบ้าง จุดเปลี่ยนมันอยู่ตรงที่พอเข้าวงการแล้วกจจิป็อบมาก แต่ริบะจังดันขายยังไงก็ขายไม่ออก พระเอกของเราเลยเริ่มน้อยใจ(?)ทำไมชั้นสู้เพื่อนไม่ได้ กจจิก็เป็นเพื่อนแสนดี เห็นเพื่อนไม่มีงานก็ร้องขอผู้กำกับว่าช่วยเอางานให้เพื่อนหน่อย แต่น้องริบะจังของเราก็พระเอกเกิน ไม่รับงานจ้า ประมาณว่าชั้นอยากจะดังด้วยความสามารถของตัวเอง ไม่ใช่พึ่งใบบุญของกจจิ แล้วเผอิญช่วงนั้นเป็นช่วงที่มีค่ายที่ดังกว่ามาทาบทามกจจิให้ไปทำงานด้วยพอดี กจจิพอเห็นว่าเพื่อนปฏิเสธงานที่ตัวเองส่งไปให้หมดเลย แบบนี้ถึงอยู่ค่ายเดียวกันก็ไม่มีประโยชน์ สุดท้ายเลยตัดสินใจย้ายค่ายโดยไม่ได้บอกริบะจัง แต่ริบะจังก็บังเอิญไปรู้เข้าจนได้ บังเอิญเด้งที่สองคือช่วงนั้นเป็นช่วงจบปี 2 แล้วต้องย้ายแคมปัส ทั้งสองเลยต้องเปลี่ยนที่อยู่ใหม่ไปด้วย ริบะจังถึงแม้ว่าความสัมพันธ์กับกจจิจะเริ่มร่อแร่ แต่เพื่อนก็คือเพื่อน เลยไปตระเวนหาที่อยู่ใหม่อยู่นาน แต่พอกลับบ้านมา ปรากฏว่า...กจจิเช่าห้องใหม่ไปแล้วจ้า!! ริบะจังก็เงิบบบ 

อันนี้ภาพสองคนตอนโต



กจจิชวนริบะจังไปอยู่ห้องใหม่ด้วยกัน แต่ริบะจังเห็นราคาห้องแล้วก็ลมแทบจับ เดือนละเป็นแสนเยน ขายไตยังไม่พอค่าอยู่เลย แต่กจจิก็แสนดีอีกแล้ว บอกริบะจังว่าไม่ต้องจ่ายหรอก เดี๋ยวตัวเองจะออกเงินให้เอง คนรักศักดิ์ศรีอย่างริบะจังมีหรือจะยอม 

ริบะจัง – ทำไมต้องเป็นที่นี่? อยู่ที่อื่นที่ฉันพอจะจ่ายไหวไม่ได้เหรอ?

กจจิ – ก็ที่นี่อยู่ใกล้มหาลัย อยู่ใกล้ที่ทำงาน

ริบะจัง – ที่ทำงาน? หมายถึงค่ายใหม่ที่มาทาบทามนายสินะ....

กจจิ .....

ริบะจัง – ทำไมต้องย้ายค่ายด้วย? แบบนี้ก็เท่ากับหักหลังคุณโคะอิเดะมิสึ(เจ้าของค่ายเก่า)ไม่ใช่เหรอ?

กจจิ – ริบะจัง ริบะจังน่ะปฏิเสธงานทุกงานที่ฉันของให้คุณโคอิเดะมิสึส่งให้เลยสินะ เพราะว่าไม่อยากจะยืมมือฉันดังใช่มั้ย ถ้าริบะจังไม่รับความช่วยเหลือจากฉันมันก็ไม่มีประโยชน์ที่เราจะอยู่ค่ายเดียวกันหรอกนะ

ริบะจัง – ไม่ใช่สักหน่อย ก็ฉันอยากจะทำด้วยความสามารถของตัวเอง

กจจิ – ด้วยความสามารถของตัวเอง? ด้วยความสามารถของตัวเองแล้วตอนนี้นายทำอะไรอยู่ล่ะ? งานบ้านเหรอ? มหาลัย? งานพิเศษ? แล้วก็เลคเชอร์?(คือริบะจังเห็นว่ากจจิทำงานเยอะ ไม่ค่อยได้เข้าเรียน เลยทำเลคเชอร์ให้) เลคเชอร์ที่นายทำให้น่ะฉันไม่อ่านหรอกนะริบะจัง

ริบะจัง .......

กจจิ – พวกเราควรจะกลับมาคุยกันเยอะๆเหมือนเมื่อก่อนนะ ฉะนั้นมาอยู่กับฉันเถอะ

ริบะจัง – อิชิคะวะ(เพื่อนอีกคนของริบะจังกับกจจิ)รู้เร่องนี้หรือเปล่า?

กจจิ – รู้...

ริบะจัง – มีแต่ฉันที่ไม่รู้สินะ....

แค่นั้นแหละ ริบะจังก็ปรี๊ดแตก ตัดสินใจเก็บของกลับบ้านเกิดไปเลย


แล้วก็ตรงนี้เองที่เราลองเอาสำนวนที่เรียนมามาใช้ดู!!! (ขัดอารมณ์แปบ ขอโทษด้วย ทุกคนอาจลืมไปแล้วว่านี่เป็น 内省555)

สำนวนที่ว่าก็คือนี่เลย...思い切る แปลว่าตัดสินใจ

りばちゃんが思い切って、実家に戻った。 
(ริบะจังตัดสินใจกลับบ้านเกิด)
 
ปรบมือ!!! น้ำตาจะไหล ได้เอาสำนวนมาใช้สักที YuY



 กลับเข้าเรื่อง...สุดท้ายสองคนก็เลยแยกกันอยู่ แล้วก็ไม่ได้ติดต่อกันอีก

อันนี้เป็นภาพคอนโดใหม่ของกจจิจ้า คอนโดหรูแถบชิบุยะ



หลังจากนั้น 5 ปี มีจัดงานเลี้ยงรุ่น สองคนเลยได้กลับมาเจอกันอีก บรรยากาศเก่าๆก็กลับมา ทั้งสองเริ่มคืนดีกัน วันต่อมาทั้งสองก็นัดไปดื่มกันอีก แต่.....ปรากฏว่า......วันต่อมาพอริบะจังเปิดประตูเข้าไปในห้องของกจจิก็พบว่ากจจิแขวนคอตายไปเสียแล้ว....

จากเหตุการณ์นี้ทุกคนเลยรู้จักชื่อ “ริบะจัง” ริบะจังกลายเป็นคนดัง(สุดท้ายก็เพราะกจจินั่นแหละ) สุดท้ายริบะจังเลยเขียนหนังสือเกี่ยวกับชีวิตของชิระกิ เร็งโค (ชื่อในวงการของกจจิ แปลว่าดอกแมกโนเลีย) ซึ่งหนังสือเล่มนี้ก็ขายดีมาก สุดท้ายเลยได้ทำเป็นละคร ริบะจังขอผู้กำกับเล่นเป็นบท “กจจิ” พอลองเล่นบทกจจิดู ริบะจังก็เริ่มเข้าใจความรู้สึกนึกคิดของกจจิทีละนิด ทีละนิด แล้วก็ได้ค้นพบกับความจริงที่ไม่ได้ล่วงรู้มาโดยตลอด....ความจริงเกี่ยวกับชิระกิเร็งโกที่กจจิไม่ได้บอกตน และเราก็จะขอไม่สปอยล์ทุกคนนะคะ 55555 อยากรู้ไปอ่านกันเอาเอง (อย่าเพิ่งตื้บเรานะ ฮรี่ๆ) 

เอาเป็นว่าริบะจังค้นพบว่าตัวเองเข้าใจผิดเกี่ยวกับกจจิมาโดยตลอด


แล้วก็ตรงนี้เองทีเรามีโอกาสได้ใช้สำนวนอีกแล้ว เย้
สำนวนที่ว่าคือ 思い込む แปลว่าเข้าใจผิด

りばちゃんはごっちが自分を後ろに残したと思い込んでしまいました。
(ริบะจังเข้าใจผิดว่ากจจิทิ้งตัวเองไว้เบื้องหลัง)

ไม่ใช่แค่นี้ค่า ใช้ทั้งทีขอใช้รวดสองสำนวนเลย อีกสำนวนที่เราใช้คือ 思い悩む แปลว่ากังวล เป็นห่วง

実はごっちはりばちゃんのことを思い悩んでいたと分かりました。
(ความจริงแล้วกจจิเป็นห่วงริบะจัง)

ความจริงไม่ค่อยแน่ใจว่า 思い悩む ตรงนี้ใช้ถูกหรือเปล่า เลยลองไปค้นดู พบว่าก็มีวิธีใช้แนวๆนี้ด้วย แต่ส่วนใหญ่จะใช้ในประโยคประมาณว่า “กังวลว่าจะทำ A ดี หรือไม่ทำ A ดี” หรือ “กังวลว่าจะทำอย่างไรดี” มากกว่า เช่น 

結婚するかしないかと思い悩む(กังวลว่าจะแต่งงานดีหรือไม่แต่งดี)
どうしたら良いかと思い悩む(กังวลว่าจะทำอย่างไรดี)


.......เป็น 内省 ที่ยาวมากกกก ขอโทษด้วยค่า ส่วนใครที่อ่านมาถึงตรงนี้ก็ขอบคุณนะคะ (/โค้ง)


シルより

4 ความคิดเห็น:

  1. อันนนี้รีวิวแบบละเอียดเลย เย่ๆ ตามมาอ่านจากที่ถามพี่ดิวในคาบ
    แต่ทำไมรู้สึกว่าเนื้อเรื่องมันแอบวาย55555 มิ่นสนเรื่องนี้เพราะยูโตะได้เล่นภาคหนัง ถ้าออกแล้วพี่ดิวอย่าลืมไปดูนะ5555

    ตอบลบ
  2. ลืมเม้นตรงความรู้ 555ปกติเวลใช้พวกคำว่าเข้าใจผิดก็จะใช้แต่แค่誤解 間違ったอะไรแบบนี้ยังไม่เคยลองใช้思い込むเลยตรงนี้ก็ถือว่าเป็นคำใหม่ที่น่าสนใจ เพราะไม่รู้คำนี้มาก่อน ถ้าเห็นแค่คำนี้เฉยๆมิ่นจะเดาความหมายว่ากำลังคิดอยู่ หรือคิดมากแน่ๆเลยไม่รู้ทำไม

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. ตอนอ่านพี่ก็แอบรู้สึกว่ามันวายๆเหมือนกัน 5555 แต่มันไม่วายจริงๆนะ ในเรื่องกจจินี่แฟนสองคนละ
      ดูแน่นอนจ้าา อ่านแล้วอยากดูเวอร์ชั่นหนังมากเลย แต่กว่าจะมาตั้งปีหน้านู่นแหนะ
      思い込む พี่ก็เพิ่งเคยลองใช้ตอนฮัปเปียวนี่ครั้งแรกเหมือนกัน 55

      ปล. เวอร์ชั่นมังงะก็มีนะ ; D

      ลบ
  3. แกพูดตอนไหน ชั้นตามไม่ทัน ห้าๆๆ

    思い悩む ตอนแรกที่เคยเจอ มโนแปลเอาเองว่า เสียใจมั้ง แค่เอา思い มาใส่เก๋ๆหรือเปล่า

    พอมาอ่าน อ๋อ ไมใช่ เลิกมโนแปลมั่วๆได้แล้ว

    ตอบลบ